▲ Q. หลายคนอยากรู้เกี่ยวกับวิธีการทำงานหรือแรงบันดาลใจ ชานฮยอก "สำหรับผมมันเป็นเรื่องธรรมชาติครับ เป็นเนื้อหาที่สามารถเล่าให้ฟังได้ในวัย20กลาง พูดออกมาตามนั้นอย่างไม่ได้โกหก ไม่ได้บังคับให้งานออกมา มองอย่างเป็นธรรมชาติแล้วจึงเกิดแรงบันดาลใจ ตั้งใจจะทำให้เหมือนกับเขียนบันทึก" ▲ Q. ตั้งแต่ Kpopstar2 ที่ทำให้ทุกคนรู้จักครั้งแรก 8ปีที่มีความเปลี่ยนไปมากมายนั้น ชานฮยอก “ถึงจะจดจำภาพสมัยเด็กๆที่เดบิวท์ตอนนั้นกันเยอะ แต่ลองคิดดูอย่างทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ภาพถ่ายตอนมัธยมกับตอนนี้ไม่ต่างกันเหรอครับ คิดว่าการเปลี่ยนแปลงของคนเป็นเรื่องที่แน่นอนนะ ในฐานะมนุษย์ แล้วก็ในแง่ของงานเพลง ที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่การท้าทาย แต่ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติครับ” ซูฮยอน “ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ไม่เคยแสร้งทำเป็นเด็กหรือแสร้งเป็นผู้ใหญ่สักครั้งค่ะ ในอนาคตก็จะคิดแบบนั้นเช่นกัน ถ้าพวกเราเติบโตในฐานะมนุษย์ ก็แน่นอนว่าในเรื่องของเพลงก็น่าจะเติบโตด้วยนะคะ” ▲ Q. การทำงานที่แตกต่างกัน ชานฮยอก “ซูฮยอนกับผมมีบทบาทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เป็นตัวตนของเราเอง อย่างตอนที่ซูฮยอนเป็นดีเจวิทยุ ถ้าผมอิจฉา ก็คงจะไปกันไม่ได้นาน ความ extroverted ของซูฮยอน และ introverted ของผม เป็นความสมดุลที่เข้ากันได้ดีพอดี” ซูฮยอน “ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เป็นจุดที่ทำให้ไม่ได้อิจฉากันค่ะ” 201116 AKMU - OUT NOW. at Naver ▲ Alien | Fish in The Water | Dinosaur | How Can I Love the Heartbreak | Happening (1st Half) 201116 หลังจากเพลงปล่อย AKMU ได้มาพูดคุยต่อที่ Before 6:05pm Audio Show (ตั้งแต่นาทีที่ 11.35)
201120 AKMU เป็นแขกรับเชิญในรายการ Yooheeyeol's Sketchbook ตอนที่ 518 ▲ เบื้องหลังในห้องพัก | ชานฮยอกโซโล่สเตจ ▲ เพลง Give Love + 200% เป็นดนตรีที่เรียบเรียงมาใหม่ ▲ ชานฮยอกตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะเป็นสเตจเดี่ยวครั้งแรกที่ได้ร้องเพลงใน Sketchbook เป็นเพลงที่ฝึกร้องในช่วงนี้ ▲ ซูฮยอนเล่าว่าเมื่อลองนึกดูแล้ว ครั้งแรกที่แต่งเพลงเล่นกันน่าจะเป็นตอนประถม ช่วงที่ทั้งคู่เรียนเปียโน จะชอบแต่เนื้อใส่ลงไปในทำนองที่มี ครั้งหนึ่งอยากกินอูด้ง ก็เลยแต่งเนื้อแล้วร้องให้คุณพ่อกับคุณแม่ฟังว่าอยากกินจริงๆ และจนวันนี้บางทีก็ยังมีเพลงนั้นโผล่ขึ้นมาในหัวอยู่ <watch> ▲ ทั้งสองคนอยากจะโชว์ให้เห็นด้านที่แตกต่างกันที่เป็นตัวตนของตัวเองผ่านงานในอนาคต ♬ Happening on Music Show ♬ ▲ 201122 INKIGAYO : LIVE | Full Cam | สเตจแรก ▲ 201128 Music Core : Live | Full Cam | ชาร์ตอันดับ 9 ▲ 201129 INKIGAYO : Live | Full Cam | ชาร์ตอันดับ 8 201125 Kim Eana's Starry Night (FULL) ▲ Happening Live 201126 MMTG Ep.157 with Jaejae พูดคุยเบื้องหลังเพลงต่างๆของ AKMU + Happening (acoustic ver.) 201128 AKMU YouTube LIVE : WHAT IS YOUR HAPPENING? : ให้คำปรึกษาจากเรื่องราวความรักที่แฟนๆส่งเข้ามาเล่าให้ฟัง 201202 ชานฮยอกโฟนอินเข้ามาในรายการ Kpop Lyrics Helper Ep.7 (ตั้งแต่ 7.58~) คุยเรื่องเนื้อเพลง Fish in the Water 201203 AKMU ถ่ายแบบ นิตยสาร Dazed Korea 201208 AKMU เล่น Balance Game | A or B ?
201225 Yoo Heeyeol's Sketchbook ตอนพิเศษวัน Christmas
▲ Freedom | cam ▲ Farewell ▲ การ์ดวันคริสต์มาสที่เขียนให้กัน ▲ จากซูฮยอนถึงชานฮยอก "ถึงชายผู้มีความสุขคุณอีชานฮยอก ขอบคุณสเก็ตช์บุ๊คที่ทำให้ปีนี้ได้ลองเขียนการ์ดคริสต์มาสด้วยปีนี้ก็เก่งมากเลย ถึงปี2020 จะมีเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดเยอะแยะไปหมด แต่ในระหว่างนั้นก็ได้ใช้เวลาอย่างมีค่าด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะที่ ปีนี้ได้ยินพี่พูดว่ามีความสุขบ่อยๆ รู้สึกอิจฉาแต่ว่าก็โล่งใจมากด้วย เพราะนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนี่เนอะ หวังว่าจะเป็นปีที่มีความหมายสำหรับพี่ เวลาเห็นพี่มีความสุข และฉันที่พลอยอารมณ์ดีไปด้วย ก็เลยคิดว่าอ่า อาจจะเพราะเป็นพี่น้อง พี่จะไว้ผมยาวถึงก้น แต่งตัวแบบไหน ทำอะไร ถึงมันจะไม่ใช่สไตล์ฉัน แต่ก็ขอให้พี่มีความสุขเหมือนตอนนี้เลยนะ ถึงจะมีตอนที่ดื้ออยู่เยอะ แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้อัคมิวแข็งแกร่งได้ อยู่ข้างๆตีกันไปเรื่อยๆนะ จะพยายามเข้าใจ ปีหน้าก็มีความสุขนะ ฉันก็จะมีด้วย ปีนี้ก็ขอบคุณนะ เมอร์รี่คริสต์มาส" ▲ จากชานฮยอกถึงซูฮยอน "หวัดดี ทำไรอยู่ สบายดีมั้ย ถึงจะอยู่บ้านเดียวกันแต่ก็ยากที่จะเห็นหน้ากันนะ เพื่อนที่เจอ อะไรที่ทำ ที่ๆเที่ยวก็ต่างกันหมด เมื่อก่อนเคยเหมือนกันหมด ถึงจะโตมาคนละแบบแต่อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน เลยคิดว่ามีคนที่ทั้งเหมือนและต่างกันมากๆแบบเราสองคนอยู่มั้ย เราก็ต่างรู้สึกว่าคงอีกไม่เท่าไหร่ที่จะอยู่ด้วยกัน เพราะเราก็มีชีวิตของตัวเองรออยู่ข้างหน้า ฉันก็สงสัยและตั้งตารอเหมือนกัน อยากจะรีบออกวิ่ง แต่ช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้วมันจะไม่กลับมาอีกใช่มั้ย มีความสุขกับเวลาที่ใช้ด้วยกันอย่างช้าๆสบายๆกัน เชื่อฟังพ่อแม่ด้วย แล้วก็ล้างจานบ้าง ปีหน้าก็ทำงั้นแหละ ปีนี้เป็นปีที่มีความกังวลมากมาย แต่ว่ามันก็ผ่านไปด้วยดีเนอะ ถ้าได้ลองทำไปเรื่อยๆ เชื่อว่าเธอจะพบกับวันที่เธอรักที่สุดนะ เก่งมาก -พี่เอง" 200103 ซยอนดีทำหน้าที่ในฐานะดีเจที่ Volume Up เป็นวันสุดท้ายหลังจากจัดรายการมาตลอดหนึ่งปีครึ่ง “ฉันในวันนี้ เมื่อ1ปีครึ่งที่แล้ว สคริปท์แรกที่อ่านแล้วอ่านอีกเพราะต้องจำ แต่ว่า ถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ ทันทีที่ไฟสีแดงถูกเปิด ในหัวก็ขาวโพลนไปหมด พริบตาเดียว 2ชั่วโมงก็หายไปแล้ว วันข้างหน้าจะเป็นยังไง แบบนี้โอเคมั้ย จะทำได้ดีรึเปล่า ฉันเมื่อ1ปีครึ่งที่แล้ว ผู้เคยมีความกังวลเต็มไปหมด สำหรับตอนนี้ รู้สึกตื่นเต้นมากที่สถานที่แห่งนี้เป็นความสบายใจเหมือนบ้าน วอลลุ่ม บ้านของฉันที่คงจะคิดถึงไปอีกนาน ช่วยนึกถึงช่วงเวลา ณ ตอนนี้ เป็นวันนี้เมื่อNปีก่อนในความทรงจำกันเยอะๆนะคะ ที่ผ่านมา ขอบคุณและรักนะคะ" เป็นสคริปต์พูดปิดรายการที่ซยอนดีเขียนเอง 200227 ชานฮยอกและซูฮยอนออกมาอัพอินสตาแกรมเรื่องคอนเสิร์ต Sailing Tour ที่ทัวร์ไปได้แค่ครึ่งเดียวที่วางแผนไว้ก็ต้องยกเลิกเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า19 ที่กำลังระบาดหนักจึงต้องงดจัดคอนเสิร์ตและต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ทั้งสองคนจึงมาอัพรูปเบื้องหลังให้ชมกัน 200228 ซูฮยอน cover เพลง Hello Winter ของจองซึงฮวาน ลงอินสตาแกรม 200327 DDeum Challenge ที่ซูฮยอนถ่ายกับชานฮยอกลง Tik Tok ของตัวเอง 200327 ซูฮยอนเป็นแขกรับเชิญในคอนเทนท์ Carnival Interview ณ Chanwoosari ของชานอู iKON
ซูฮยอนใน H24I เรียลลิตี้ของฮาอี ◆ Ep.1 | Ep.2 | Ep.4 200712 ซูฮยอนร้องเพลง In Your Time ◆ จากซีรีส์เรื่อง It's okay to be not okay OST Part.4
▲ ต้นเดือนตุลาคม เริ่มปล่อยทีเซอร์ซิงเกิลโซโล่แรกของซูฮยอนชื่อเพลงว่า Alien ที่จะออกในวันที่ 16 ตุลาคม ▲ Character Video | Sampler with effect | Prologue | Countdown Party | Mood Direction ▲ "หากใครถามว่าฉันเป็นใคร ฉันคือเอเลี่ยนผู้มากอบกู้โลกนี้" ▲ ในเคาท์ดาวน์ไลฟ์ ซูฮยอนเล่าว่าพี่ชานฮยอกมาให้กำลังใจและส่งฟู้ดทรัคมาให้ที่กองถ่ายด้วย แต่แปะหน้าตัวเองไว้บนป้ายแทน ▲ "เรื่องย่อ mv คือ ฉันได้รับจดหมายจากแม่ในวันเกิด ที่ไม่ใช่ข้อความอวยพรธรรมดาและมีความหมายแฝงอยู่ หลังจากนั้นก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นกับฉันเรื่อยๆ ก็เลยสงสัยว่า พลังกับความสามารถของตัวเองที่ไม่รู้ในเวลาที่ผ่านมาคืออะไร ฉันอาจจะเป็นคนที่เจ๋งก็ได้นะ” 201012 Marathon LifePlus Unboxing with AKMU, แกะกล่องของจำเป็นในการวิ่งมาราธอนแบบออนไลน์ของ LifePlus 201016 สัมภาษณ์ซูฮยอนเกี่ยวกับเพลง Alien และการทำกิจกรรมโซโล่ : entertain.v.daum.net/v/Ab82lisIdv
★WHO AM I★ ฉันคือเอเลี่ยนที่มากอบกู้โลกนี้ สัมภาษณ์จาก Marie Claire ★ Pop Quiz โซโล่ซิงเกิลแรก Alien เสร็จแล้ว เพลงของอัคมิวซูฮยอนกับโซโล่ซูอยอนมีความแตกต่างกันยังไงบ้าง ซูฮยอน : คิดไว้ว่าต้องทำเพลงให้ค่อนข้างแตกต่างจากตอนอัคมิวค่ะ เป็นเป้าหมายที่เด่นชัดที่สุดค่ะ Alien เลยกลายมาเป็นซาวด์ป๊อบมากๆ ถึงจะเป็นความท้าทายที่ใหม่ในฐานะศิลปิน แดนซ์ป๊อบก็เป็นสิ่งที่อยากลองทำสักวันอยู่แล้ว แล้วก็เป็นแนวที่ชอบอยู่แล้วด้วยค่ะ ฉันเคยคิดว่ามันคงออกมาดูน่ารักเกินไปถ้าทำเพลงแบบนี้ในฐานะอัคมิว ระหว่างที่เตรียมเพลงโซโล่ก็ได้สลัดความคิดนั้นออกไปจนได้ค่ะ การโปรโมทเพลงโซโล่คราวนี้รออยู่แล้ว มีจุดไหนที่ตั้งตารอมากที่สุดบ้าง ซูฮยอน: ตั้งตารอกิจกรรมทุกอย่างเพื่อเพลงโซโล่นี้เลยค่ะ ถ้าเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก่อนหน้าคือ อยากจะส่งข้อความที่ฉันอยากถ่ายทอดให้ได้อย่างดี ในคราวนี้ เตรียมทั้งสิ่งที่จะถ่ายทอดและการแสดงไว้เยอะมากเลยค่ะ กำลังเตรียมการแสดงที่จะสามารถแสดงให้เห็นในภาพลักษณ์ที่หลากหลายอยู่ ระหว่างที่เตรียมเอเลี่ยน คำพูดที่พูดเยอะมากที่สุดก็คือ น่าสนุกจัง ค่ะ ตอนโปรโมทคงน่าสนุกจริงๆนะคะ เปลี่ยนสีผมใหม่ได้ชัดเจนมาก เพราะขั้นตอนการเปลี่ยนรูปลักษณ์ก็มีความสนุกเช่นกันอย่างนั้นรึเปล่า ซูฮยอน: ใช่แล้วค่ะ Alien นี่ เพลงออกมาอย่างง่ายดายและรวดเร็วมากค่ะ พี่ชานฮยอกทำเดโมดีๆแล้วคุณพีเจย์ก็นำไปเรียบเรียง เป็นซาวด์ป๊อบมากๆก็เลยเสร็จสมบูรณ์โดยที่ไม่มีเรื่องยากอะไร เพราะงั้นเลยมีเวลาเตรียมตัวเยอะเลยค่ะ ระหว่างช่วงนั้นก็เลยทดลองเรื่องของวิช่วลหลากหลายแบบ กว่าสีผมนี้จะออกมาได้ ทำสี ย้อมสีวนไป ก็เลยลำบากมากค่ะ ตอนถ่ายเอ็มวีก็ใส่คอนแทคเลนส์สีๆด้วย เปลี่ยนไปตามฉาก ทั้งการแต่งหน้าหรือเครื่องประดับก็ได้ลองสิ่งที่ไม่เคยลองในตอนนี้ด้วยค่ะ ต่อเล็บยาวมากๆ ระหว่างที่ได้ลองอะไรแบบนี้ในเรื่องวิช่วล ในขณะเดียวกันก็มีความคิดแบบขัดแย้งกันว่า นี่สนุกดีนะเนี่ย แล้วก็ นี่มันอันตรายอยู่นะ อะไรทำให้รู้สึกว่าอันตราย ซูฮยอน : คิดว่าถ้าติดขึ้นมาจะไม่ได้การค่ะ จริงๆการเดินไปพร้อมกับติดแฮร์พีช ขนตาปลอมข้างละสองอัน รวมทั้งเครื่องประดับด้วยนี่ก็ไม่ค่อยสบายแล้วก็หนักมากๆอยู่นะคะ แต่ก็มีความคิดว่าถ้าเริ่มชินกับการแต่งตัวแบบนี้มากขึ้น จะกลับไปเป็นตัวฉันคนเดิมยาก นี่มันแค่การเล่นที่สนุกมากๆเท่านั้น คิดว่าถ้าติดอะไรแบบนี้ขึ้นมาจะไม่ได้การน่ะค่ะ อยากรู้ในส่วนของเพอฟอร์แมนซ์ ซูฮยอน : จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่เคยโชว์ภาพลักษณ์เรื่องเต้นให้เห็นเกิน1นาทีเลย เป็นแค่การแสดงแบบสั้นๆเท่านั้น แต่คราวนี้จะเต้นตั้งแต่ต้นจนจบเพลงเลยค่ะ ในส่วนนี้ก็เป็นการท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของฉันเช่นกัน ความรู้สึกเหมือนเปิดด่านใหม่ในเกมเลย การร้องสดแล้วเต้นไปด้วยเป็นเรื่องที่ยากจริงๆนะคะ พอฝึกซ้อมไปเรื่อยๆก็มีช่วงที่ซ้อมน้อยลงบ้างนิดหน่อยอยู่ เท่านี้ก็น่าจะได้แล้วมั้ยนะ? คราวนี้ความท้าทายต่อไปคืออะไรน่ะ? เมื่อคิดแบบนี้ปุบ ด่านต่อไปก็ปรากฏตัวขึ้นมาพอดีค่ะ ตอนนี้คือกำลังทุ่มเทในการเต้นไปร้องเพลงไปโดยที่เสียงไม่สั่นอยู่ค่ะ นอกจากสิ่งที่เห็นแล้ว Alien นี่ต้องการจะเล่าเรื่องแบบไหนให้ฟังกันเหรอ? ซูฮยอน : ในเพลงนี้มีเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครอยู่ค่ะ วันหนึ่งคุณแม่ได้บอกความลับที่ซ่อนไว้ก่อนหน้านั้นกับลูกสาวที่ความรักในตัวเองน้อยลง ว่าจริงๆแล้วลูกเป็นเอเลี่ยนที่เคยอยู่ในดาวอีกดวง ซึ่งมีพลังเยอะมากพอจะกอบกู้โลกนี้ได้ ลูกสาวที่ได้ฟังคำพูดนี้แล้วก็ค่อยๆตามหาพลังในตัวเองเจอ แล้วท้ายที่สุดก็เป็นสุดยอดซุปเปอร์ เนื้อเพลงก็ไม่เหมือนใครมากๆค่ะ ฟังแล้วอาจจะคิดว่า นี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เนี่ย แต่ว่าถ้ารู้แล้วดูอีกที เนื้อเพลงอบอุ่นมากๆเลยค่ะ ฉันเองพอได้ร้องเพลงนี้ก็มีพลังขึ้นมาในใจด้วยค่ะ ตอนนี้ข้อความที่ฉันโฟกัสคือ ความรักในตัวเองค่ะ โลกก็มีมาตรฐานของมันอยู่ใช่มั้ยคะ ซึ่งยากที่จะทำลายเพราะว่ามาตรฐานนั้นแข็งแรงเกินไป ถึงจะมีคนมากมายที่พยายามทำลายมันแล้ว แต่ก็หวังว่าจะมากกว่าตอนนี้ค่ะ หวังว่าจะเป็นโลกที่ผู้คนอันหลากหลายได้รับความเคารพ และสามารถรักตัวเองได้ ฉันคิดว่าศิลปะมีพลังที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ค่ะ แม้ว่าโลกที่เราเฝ้ามองอยู่ไกลๆจะดูสงบ แต่หากลองมองดูอย่างละเอียดแล้ว มันมีความไดนามิค ไม่แน่นอนมากๆค่ะ ทะเลถ้ามองดูใกล้ๆคลื่นจะซัด แต่ว่าในที่ไกลๆจะไม่รู้สึกถึงคลื่นค่ะ เพราะงั้นเลยอาจจะทำให้คนกลัวความเปลี่ยนแปลงก็ได้ แต่ว่าสำหรับศิลปิน เป็นกลุ่มคนที่ต้องถ่ายทอดในสิ่งที่ตัวเองคิดโดยไม่สนใจเรื่องนั้น เป็นกลุ่มคนที่จะนำเสนออะไรใหม่ๆให้โลกได้ เนื้อเพลงที่โปรดปรานที่สุดคือท่อนไหนเหรอ? ซูฮยอน : ‘ฉันคือเอเลี่ยนที่จะมากอบกู้โลกพังๆนี้’ เป็นจุดไคลแม็กซ์ของเพลง ตอนที่กำลังมีความมั่นใจถึงขีดสุดแล้วตะโกนออกมาค่ะ การที่ศิลปินนำเสนออะไรใหม่ๆในโลก ก็เพราะว่ามีความคาดหวังผลลัพธ์ในแง่ดีด้วย เพราะงั้นภาพลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติของศิลปินก็น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ ซูฮยอน : พยายามที่จะใช้ชีวิตอย่างใจดี ถ้าฉันเป็นคนที่มอบแรงจูงใจให้ใครสักคน แน่นอนว่านั่นต้องเป็นแรงจูงใจที่ดีค่ะ ซึ่งไม่สามารถสร้างขึ้นมาด้วยความโกหกได้ ถ้าเพลงของฉันช่วยชีวิตใครสักคนได้คงจะดีค่ะ เพื่อที่จะมีแรงจูงใจที่ดีแบบนี้ได้ ฉันเองก็ต้องใช้ชีวิตแบบนั้นเช่นกันค่ะ ฉันคิดว่าศิลปินที่ดี คือคนที่ส่งต่อแมสเสจดีๆค่ะ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องเพลง ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งเปลี่ยนไปไหม ซูฮยอน : ค่อยๆเปลี่ยนไปมากเลยล่ะค่ะ ในอนาคตก็คงจะเปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆ เปลี่ยนไปยังไงบ้าง ซูฮยอน : ฉันไม่สามารถบอกได้แน่นอนว่าตอนที่เริ่มต้นกับเสียงเพลงนี่คือตอนไหน สำหรับฉันเพลงเป็นเหมือนเครื่องเล่นอยู่เสมอเลย เหมือนกับตุ๊กตาตัวโปรดที่ถือไปเล่นสนุกด้วยตลอด มีตัวตนเหมือนเพื่อนที่มีความสุขที่ได้อยู่ด้วย แต่พอได้เข้าร่วมในออดิชั่นโปรแกรม ก็เริ่มแตกต่างไปทีละนิดค่ะ เป็นธรรมชาติของออดิชั่น ที่เมื่อฉันขึ้นไปทีละขั้นๆ ทุกครั้งก็ต้องมีคนอื่นๆที่ตกรอบ ตอนนั้นฉันได้รู้ว่า สำหรับใครสักคน การไม่ได้ทำเพลงเป็นความสิ้นหวังขนาดที่ทำให้น้ำตาไหลออกมา ทำให้ตัดสินใจว่าการทำเพลงอย่างมีความสุขก็สำคัญ แต่ว่าหากทำด้วยหัวใจที่เบาบางคงไม่ได้การ ฉันมีความคิดว่าการเข้าหาอย่างเบาๆ เป็นอะไรที่ไร้ความรับผิดชอบ ถึงอย่างนั้นก็กลับมาคิดอีกครั้งว่าการทำเพลงไม่ต้องเอาแต่หนักหรือว่าซีเรียสมากก็ได้ ระหว่างที่เข้าร่วมรายการ Begin Again ก็ได้พูดคุยแบ่งปันกับรุ่นพี่เยอะมาก นับถือเหล่ารุ่นพี่ผู้คิดถึงเรื่องเพลงทุกวันมากๆค่ะ ครั้งนึงฉันเคยพูดว่า ถ้าเพลงไม่เป็นความเครียดสำหรับฉันคงจะดี อยากจะร้องเพลงเพื่อความสุขต่อไปเรื่อยๆ เหล่ารุ่นพี่ที่ฟังเรื่องของฉันต่างก็เปิดใจกันมาก ตอนนั้นฉันเลยมีความคิดว่า นี่มันคือบทบาทของฉันนั่นเอง ก่อนหน้านี้เคยมองพี่ ที่เขาคิดเรื่องเพลงอย่างล้ำลึกและทำมันอย่างเคร่งเครียดอยู่เสมอ ด้วยความรู้สึกผิดว่า ทำไมฉันถึงไม่คิดแบบพี่บ้างนะแต่ตอนนี้ก็คิดว่า เพลงเองก็ต้องการคนแบบฉันมาดูแลเช่นกันค่ะ Begin Again ที่ทำให้ได้พบกับผู้ชมอย่างใกล้ชิด และได้ร่วมแสดงกับรุ่นพี่มากมายน่าจะมอบแรงจูงใจให้เยอะสุดๆเลยนะ ซูฮยอน : มีอิทธิพลเยอะมากๆเลยล่ะค่ะ ก่อนอื่นได้เรียนรู้เรื่องการร้องเพลงอย่างละเอียดจากรุ่นพี่เยอะเลย เหล่ารุ่นพี่คือ ถ้าอาหารไม่ย่อย เพลงจะออกมาไม่เต็มที่ ก็เลยแทบจะไม่ทานข้าวเลยค่ะ ปรับความชื้นภายในอย่างดีเพื่อดูแลคอ ได้เรียนรู้ว่าต้องพยายามในแง่ไหนถึงจะร้องเพลงออกมาได้อย่างดีที่สุด แล้วก็ระหว่างถ่าย Begin Again รับรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเองด้วยค่ะ ฉันเคยมีความสุขกับช่วงเวลาหลังร้องเพลงจบอยู่เสมอ หลังจากร้องได้ดีก็จะมีโมเม้นที่คิดว่า อ่า จบได้สวย แต่เมื่อมอนิเตอร์ไปครั้งนึง ฉันก็รู้สึกเสียดายตัวเองที่เป็นแบบนั้นค่ะ เพราะระหว่างที่ร้องเพลงนั้น สภาพแวดล้อมรอบๆสวยงามมาก แต่ว่าฉันไม่ได้ดื่มด่ำกับความสวยงามนั้นเลยนี่สิ เลยสัญญากับตัวเองว่า ถึงแม้จะร้องไม่ได้อย่างสมบูรณ์หมดจด แต่ช่วงเวลาที่ร้องเพลงต้องรู้สึกถึงสิ่งต่างๆรอบข้างด้วย ตั้งแต่ Begin Again ซีซั่น3 ฉันก็เลยรับรู้ในแต่ละวรรคแต่ละท่อนเลยค่ะ เช่นถ้าร้อง ‘It Must Be L.O.V.E’ ตอน L มีลมแบบไหน O เป็นสายตาแบบไหน V มีต้นไม้อะไรอยู่ แบบนี้ ก็เลยรู้สึกถึงทุกๆช่วงเวลาตอนที่ร้องเพลงทั้งหมดเลยค่ะ ได้รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงของการบัสกิ้ง ก็เลยได้เริ่มบัสกิ้งอย่างแท้จริงตอนนั้น หลังจากได้รับรู้แล้ว ทำให้ฉันรู้สึกถึงช่วงเวลาที่ฉันอยากจะมีความสุขพร้อมกับร้องเพลงไปด้วยได้ค่ะ สักวันหลังจากเวลามากมายผ่านไป ในฐานะศิลปิน อยากมีความเปลี่ยนแปลงไหนที่อยากเป็นมั้ย? ซูฮยอน : อยากมีจิตวิญญาณที่อิสระมากๆค่ะ ความทรงจำในวัยเด็กของฉัน เป็นเวลาทั้งหมดที่ได้ใช้ที่มองโกล ตอนอยู่ที่นั่นเวลาแคมป์ปิ้ง เพราะว่าท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาว ถ้ายื่นมือออกไปก็เหมือนจะเอื้อมได้ถึงดวงดาวจริงๆเลยค่ะ ขี่ม้าแล้วก็วิ่งไปตามทุ่งหญ้า ถ้ามีชีวิตแบบนั้นอยู่ที่เชจูแล้วทำเพลงไปพร้อมกันก็คงดีนะคะ ถ้าให้เลือกช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตขณะที่อยู่กับเสียงเพลง ซูฮยอน : เยอะมากค่ะ ตั้งแต่เด็กๆที่เวลาร้องเพลงแล้วมีใครชมก็จะรู้สึกดีมากๆค่ะ เวลาอยู่บ้านก็ยังร้องเพลงทั้งวัน จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่า ช่วงเวลาที่ได้ร้องเพลงแล้วได้รับเสียงปรบมือนั้น มีความสุขที่สุดค่ะ สุดท้ายนี้ เอเลี่ยนฝากอะไรถึงผู้คนหน่อยแล้วจบสัมภาษณ์กันมั้ย? ซูฮยอน : อย่าเสียความมั่นใจไปเลยนะ ขอให้รู้ความจริงไว้ว่าคุณน่ะเป็นคนที่มีพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าที่ตัวเองคิด แล้วใช้ชีวิตอย่างมั่นใจเข้าไว้นะคะ
201022 [ Full ] ซูฮยอนกลับมาเยือน KBS Cool FM Volume Up ในฐานะแขกรับเชิญ ตอนนี้คุณคังฮันนา กำลังเป็นดีเจอยู่ ▲ซูฮยอนเล่าเรื่องสีผมว่าจริงๆนับไม่ถูกเลยว่าย้อมกี่รอบ เพราะก่อนทำสีมิ้นท์ ย้อมสีอื่นอยู่ก่อน แต่เทสต์กับกล้องแล้วออกมาไม่ค่อยสวย เลยเปลี่ยนเป็นสีนี้ ถ่ายเอ็มวีเสร็จโคนยาวมากเลยเติม ตอนนี้โชคดีที่หนังศีรษะยังโอเคอยู่ แต่ถ้าเติมอีกหนังศีรษะคงไปแบบไม่กลับมาแล้ว เลยจะหยุดแค่นี้ ในส่วนของหัวข้อ เอเลี่ยน ชานฮยอกเป็นคนเริ่ม แต่คอนเซปอวกาศหรือรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเป็นซูฮยอน ▲ เอเลี่ยนเป็นคาแรคเตอร์ช่างสงสัย ช่างถาม ซูฮยอนเลยตั้งฉายาให้เธอว่า Why Fairy ตามคอนเซปเอเลี่ยนชอบกินมิ้นท์ช็อกและทุเรียนมาก ซูฮยอนเพิ่งเริ่มกินมิ้นท์ช็อกจริงจังในตอนนี้และพบว่าอร่อยจนกลายเป็นชอบจริงๆ แต่ยังไม่เคยกินทุเรียนสักครั้ง ▲ เจ้าหญิงดิสนีย์ที่ชอบที่สุดคือราพันเซลกับอันนา ราพันเซลเป็นคาแรคเตอร์ที่ทำให้เริ่มชอบดิสนีย์ครั้งแรก ส่วนคนโปรดคืออันนา จาก Frozen เพราะคิดว่าคล้ายกันกับตัวเองมาก เสียงก็คล้ายกันด้วย เลยชอบคัฟเวอร์เพลงของอันนา
201024 ซูฮยอนที่รายการ Yoo Heeyeol's Sketchbook ร้องไปทั้งหมด 3 เพลง (Dynamite (BTS), Alien, 가리워진 길) ▲ Back Stage QnA | Dynamite Cam | Alien Cam ▲ ซูฮยอนเล่าว่า “ครั้งนึงที่ไปทานข้าวกับลุงฮียอล เป็นช่วงเดียวกับที่กำลังเหนื่อยมากๆ ทั้งไม่มีความมั่นใจจะทำเพลงต่อไปนานๆหรือออกรายการอะไร หลายๆคนบอกว่า เธอยังเด็ก ก็เลยรู้สึกแบบนี้เป็นธรรมดา เวลาผ่านไปจะดีขึ้นเอง แต่นั่นไม่ได้ช่วยปลอบใจมากเท่าไหร่ ซึ่งตอนนั้นลุงฮียอลรู้แล้วตกใจมาก คุณลุงพูดอย่างจริงใจว่า ‘ไม่ได้ นั่นน่าเสียดายนะ เพราะเธอเก่งมาก พูดในฐานะรุ่นพี่’ นั่นหยุดฉันได้และปลอบใจได้เยอะจริงๆ อ่า มีคนคอยจับฉันไว้สินะ แถมไม่ใช่ใครอื่น เป็นรุ่นพี่ที่เคารพและรู้จักเพลงอย่างดีแบบลุงฮียอล เลยตัดสินใจว่าจะทำเพลงต่อไปค่ะ” ▲ ความหมายที่แท้จริงที่ชานฮยอกซ่อนไว้ในเพลง Alien จากที่ซูฮยอนเคยพูดว่า เรื่องราวเริ่มต้นจากคุณแม่ที่บอกความลับกับลูกสาวที่ความมั่นใจถดถอยลงว่าที่จริงแล้วลูกเป็นเอเลี่ยนที่มีซุปเปอร์พาวเวอร์ เป็นเพราะว่าตอนที่คุณแม่ท้อง เธอได้เฝ้าดูสิ่งมีชีวิตเติบโตในท้องและเข้าใจว่านั่นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ท่อนแรกที่เป็นคำพูดคุณแม่ที่บอกว่า ที่จริงลูกมาจากดาวอีกดวง ดาวอีกดวงนั้นคือในท้องแม่, You in that planet used to be champion เป็นแชมป์นักกีฬาว่ายน้ำเหรียญทอง เพราะว่ายจากพ่อมาถึงแม่ก่อนใคร
201030 Kim Shinyoung Noon's Hope Song with Suhyun ▲ ข้อดีของโซโล่ที่ซูฮยอนพูดตั้งแต่วันแรกๆคือทั้งสามนาทีกล้องจะจับแค่ตัวเองคนเดียว เคยรู้สึกว่าสีหน้าตรงนี้น่าจะดี แต่กล้องกลับไปจับที่หน้าพี่แทนตอนนั้น พอโปรโมทโซโล่ไม่ว่าจะทำหน้าแบบไหนก็ได้ออกกล้องหมดแล้ว ซูฮยอนเรียนรู้การใช้สีหน้าจากการดูสเตจของโซโล่หญิงหลายๆคน และซ้อมการแสดงสีหน้ามาเยอะมาก ทีแรกตั้งใจจะทั้งร้องและเต้นให้แข็งแรงเท่ากัน แต่กลายเป็นออกมาไม่น่าพอใจทั้งคู่ หลังจากสเตจแรกรู้สึกเสียดายมาก เลยกลับมาโฟกัสที่การร้องแล้วผ่อนแรงท่าเต้นลง ▲ ซูฮยอนบอกว่าหลังจากพี่ทำเพลงเสร็จ ที่เหลือยกให้ซูฮยอนลองทำเองหมดเลย ทั้งเรื่องคอนเซปและอื่นๆ ▲ ยังไม่มีนักแต่งเพลงคนไหนที่อยากได้เพลงนอกจากพี่ชานฮยอก แต่ถ้าตัวเองทำเพลงเองได้น่าจะดีที่สุด ▲ เจอกับแซรน โบรา มักจะพูดว่า กินอะไรดี บ่อยมากๆ แต่สุดท้ายก็จบที่ต็อกบกกีอยู่ดี
201030 ซูฮยอนเป็น1ในแขกรับเชิญรายการ Hidden Singer6 Ep.13 ตอนของคุณโซรา ร้องเพลง Blue in you กับซึงฮวาน และ Track3
▲ ชานฮยอกว่าระหว่างที่ซูฮยอนโปรโมทคนเดียวตัวเองก็ทั้งเขียนหนังสือ ทำเพลงและวาดรูป
▲ ซูฮยอนว่าโปรโมทโซโล่เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มาก ด้วยคอนเซปและลุค แต่พอกลับมาเป็นอัคมิว มันมีความอุ่นใจ สบายใจอยู่มากกว่า ▲ซูฮยอนเล่าว่าเท่าที่จำได้ที่มองโกลหนาวมาก บางทีอุณหภูมิลงถึง -40,-50 องศา ตอนมาถึงเกาหลีครั้งแรกได้ยินว่าที่นี่กำลังมีคลื่นอากาศหนาว คิดว่าคงหนาวมากๆเหมือนกัน แล้ววิวที่มองออกไปจากสนามบินคือทุกคนสวมแพดดิ้งแล้วสั่นกันมาก แต่พอออกไปจริงๆแล้วก็ยังอุ่นอยู่ ทั้งบ้านถอดเสื้อนอกออกกันหมด ซึ่งพอใช้ชีวิตที่นี่ได้8ปี ก็รู้สึกว่าหนาวบ้างแล้วเหมือนกัน
190519 ซูฮยอนร่วมงาน Green Plugged Seoul Festival นอกจากสเตจของตัวเองแล้วยังร่วมในสเตจของ Jannabi ถึง 2เพลง | Playlist Cam
“ตอนนอนไม่หลับอาจจะเป็นเพราะรู้สึกไม่พอใจกับวันนี้หรือสัปดาห์นี้ของตัวเอง หรือทำนองว่าในหนึ่งปีตั้งใจทำเต็มที่ในทุกวันแต่ว่าไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แต่คิดว่าถึงวันไหนไม่สมบูรณ์แบบก็บอกตัวเองว่าวันนี้ทำได้ดี หรือเก่งมากแล้วเราได้" "ถึงโลกจะทำร้ายให้คุณเจ็บปวดแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถลดคุณค่า ความสวยงามหรือตัวตนของคุณได้นะคะ คนที่จะทำงั้นได้คือตัวเราเองต่างหากค่ะ หวังว่าทุกคนจะรู้ว่าตัวเองสวยงามและมีค่ามากนะคะ" ㅡ อีซูฮยอน, 2019
190802 ซูฮยอนไลฟ์ยูทูปครั้งแรกแล้วแจ้งว่าหลังจากนี้จะเปลี่ยนชื่อช่องยูทูปจาก Mochi Peach เป็นชื่อจริงของตัวเองคือ Leesuhyun ไปเลย เพราะทำช่องมาสองปียังมีคนเข้าใจว่าเป็นคนละคนกับอัคมิวซูฮยอน อีกทั้งเพื่อที่จะได้ค้นหาได้ง่ายขึ้นด้วย
190911 หลังจากปล่อยทีเซอร์อัลบั้มเต็มที่ 3 'Sailing' ชานฮยอกได้ประกาศผ่านอินสตาแกรมว่าตัวเองจะปล่อยผลงานเขียนเล่มแรก เป็นนิยายที่มีชื่อว่า Fish meets water ชื่อเดียวกับแทรคสองในอัลบั้ม ชานฮยอกเล่าในรายการวิทยุว่าด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยชอบการอธิบายอะไรเยอะๆ จึงลองถ่ายทอดอัลบั้ม Sailing เป็นเรื่องราวแบบนี้ดู เป็นงานเขียนที่เรื่องราวมีความเชื่อมโยงใกล้เคียงกับอัลบั้มนี้ เป็นเรื่องราวของตัวละครชื่อ เฮยา หญิงสาวที่รักทะเล และชายหนุ่มชื่อ ซอน ผู้กำลังค้นหาคุณค่าที่แท้จริงของศิลปะ ภายหลังจากวางขาย Fish meets water ติดชาร์ตขายดีอันดับ1ในหมวดนวนิยายตามร้านหนังสือหลายแห่ง [แปล] "บทสัมภาษณ์จากนิตยสาร Nylon"
▶ รายละเอียด เบื้องหลัง หรือความหมายของแต่ละเพลงในอัลบั้ม Sailing (รวบรวมจากสัมภาษณ์ รายการวิทยุ คำบอกเล่าของอัคมิว ฯลฯ) 01. Chantey 'ฉันถูกมัดข้อมือไว้ แต่รู้วิธีที่จะเป็นอิสระ' เป็นเพลงเศร้าที่ชานฮยอกจินตนาการถึงคนที่ถูกมัดมือไว้ ที่ใครๆมองก็รู้ว่าไม่ได้มีอิสระ แต่ยังยืนกรานว่าตัวเองเป็นอิสระอยู่ 02. Fish in The Water เป็นเพลงที่มีความคันทรี่จากเสียงกีตาร์และบรรยากาศสว่าง อารมณ์คึกคัก ที่มีเนื้อเพลงขัดกับความสดใสนั้นอยู่ เพราะเป็นเพลงที่แฝงเกี่ยวกับความตาย เนื้อหาคือเพื่อนสองคนออกทะเลไป คนนึงหลงรักในทะเลมากๆโดดลงไปแล้วก็ตาย เพื่อนอีกคนที่มองอยู่เป็นคนร้องเพลงนี้ แต่ไม่ใช่มุมมองที่เศร้า ในรายการวิทยุชานฮยอกพูดว่าเพลงนี้เป็นผู้กำกับ แรงผลักดัน ตัวคุมธีมของอัลบั้มนี้ เป็นเพลงที่สำคัญและเหมือนสโลแกนของอัคมิวที่ว่า Live like the way we sing (มาใช้ชีวิตอย่างที่ร้องเพลงกันเถอะ) 03. How Can I love the Heartbreak, You're the one I love 'จนถึงเวลาที่ความรักที่ลึกเหมือนทะเลของเราแห้งเหือด รอวันจากกัน' เพลงนี้หลายคนเคยฟังที่งานเทศกาล Someday Festival ปี2017 เพราะเป็นเพลงที่เอาขึ้นแสดงในงานสุดท้ายก่อนชานฮยอกจะเข้ากรม คิดไว้ตั้งแต่สองปีที่แล้วว่าจะเอาเป็นไตเติล อีกทั้งเป็นเพลงที่เป็นราก ทำให้อัลบั้มนี้เกิดขึ้นมา แถมยังได้ปล่อยในฤดูใบไม้ร่วงที่เข้ากับอากาศพอดี ▶ Live 190929 | 191006 04. Moon เป็นเพลงที่ชานฮยอกฟังบ่อยที่สุด ฟังมาปีครึ่งแล้วยังไม่เบื่อ ชานฮยอกเล่าในไลฟ์อินสตาแกรมว่าที่มาคือวันนั้นขึ้นไปดูพระจันทร์บนดาดฟ้าแล้วมีปรากฏการณ์ Red Moon เลยคิดเนื้อเพลงกับเมโลดี้ออก ผลคือวิ่งลงมาแล้วร้องไปตามหากีตาร์ไปเพราะกลัวลืม ตอนทำเพลงนี้ชานฮยอกได้ฟัง Let's go see the stars ของคุณจอกแจแล้วคิดว่าบรรยากาศเข้ากับเพลงนี้เป๊ะ เลยติดต่อไป 05. Freedom ต้องการตีความคำว่าอิสระ ว่าเตรียมอยากออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยสองมือของตัวเอง อยากทำอะไรโดยอิสระอย่างไม่ต้องสนหรืออายใคร จะหายใจก็อิสระ จะฝันก็อิสระ จะชอบฉันหรือว่าเป็นแอนตี้ก็อิสระเช่นกัน 06. Should've love you more เป็นเพลงที่ร็อคที่สุดในบรรดาเพลงของอัคมิว แรงบันดาลใจจากที่ชานฮยอกฟังอัลบั้มเพลงร็อคเยอะๆเลยอยากทำเพลงสนุกๆที่เนื้อร้องตามได้ง่าย ถ้าร้องด้วยกันกับคนดูคงสนุกดี เป็นเพลงที่ใช้โทรโข่งขึ้นแสดงในท่อนแรกของชานฮยอกด้วย เพลงมีเนื้อหาเนิร์ดๆที่เอาแต่ร้องว่าจะรักให้มากขึ้นซ้ำๆ เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความรู้สึกเสียดายแต่ก็ทั้งมีความสุขและแข็งแรง 07. Whale ได้คุณจอกแจมาเรียบเรียงเพลงให้ 'เจ้าวาฬ ถ้าเธอมีทะเลของตัวเองคงจะดี' ต้องการจะสื่อว่าอย่าไปทำลายเอกลักษณ์หรือความไม่เหมือนใครของคนๆนั้น คุณจอกแจเล่าว่าชานฮยอกมีธีมในหัวชัดเจน การเรียบเรียงเพลงก็เลยเสร็จภายในสองวัน | Live 08. Endless Dream, Goodnight เป็นเพลงที่ชานฮยอกแต่งตอนเมาเรือในกรม กำลังลำบากจากอาการเวียนหัวบนเรือ แต่กลับกลายออกมาเป็นเพลงน่ารักๆ ตอนอัดซูฮยอนไม่รู้เช่นกัน ตามจริงเพลงนี้เกือบจะไม่ได้ใส่เข้ามาในอัลบั้ม เป็นเพลงที่มาเพิ่มเข้ามาหลังจากวางไว้ 8 เพลง 09. Farewell ค่อยๆบอกลากับสิ่งที่จากมาโดยไม่พูดตรงๆว่าเศร้า เพลงแรกที่ซูฮยอนเรียบเรียงเอง ทีแรกชานฮยอกแต่งเนื้อเพลงไว้ ซูฮยอนชอบเพลงจึงพยายามเดินหน้าทำต่อ ถึงพี่จะไม่ได้คิดจะใส่ในอัลบั้มตั้งแต่แรก ซูฮยอนยืนยันว่าอยากให้ใส่เป็นเพลงแรกหรือสุดท้าย เลยเอามาทำเอง ลองใส่ไลน์เบส กีตาร์ไฟฟ้า ฮาร์โมนิก้า ไลน์ประสาน ลองใส่เองไปเรื่อยในห้องทำงาน สุดท้ายส่งให้พี่ฟังแล้วได้รับคำชม ก็เลยได้เรียบเรียงเองเป็นเพลงสมบูรณ์ในที่สุด โดยกีตาร์โปร่งในเพลงนี้โดยคุณจอกแจ และฮาร์โมนิก้าโดยคุณฮาริม | เวอร์ชั่นเดโม 10. Let's take time เคยขึ้นแสดงในฐานะเพลงที่ยังไม่ได้ปล่อยใน Someday Festival 2019 เดิมทีไม่ได้จะใส่เข้ามาแต่เพิ่มมาเป็นเพลงสุดท้าย ท่อนคอรัสเสียงประสานตอนสุดท้ายก่อนจบเพลงไม่ใช่เสียงซูฮยอน แต่เป็นเสียงพี่ๆ A&R ที่นั่งอยู่ในห้องอัด เพราะซูฮยอนคิดว่าอัดเสร็จหมดแล้วเลยกลับบ้านไปก่อน แต่ชานฮยอกเพิ่งนึกได้ว่าจะทำ fade out เลยให้พี่ๆ A&R เข้าไปร้องดู ถ่ายทอดสถานการณ์ช่วงระหองระแหงของคู่รัก ที่ท้ายที่สุดตกลงกันว่าลองให้เวลากับตัวเองดูสักพักเถอะ เป็นความรู้สึกของคนสองคนที่ต่างกันมากๆ คนนึงพูดอย่างใจร้อน คนนึงพูดอย่างใจเย็น [แปล] 190925 'AKMU' เติบโตอีกหนึ่งขั้น สัมภาษณ์จากงานแถลงข่าวอัลบั้ม Sailing ▶ https://entertain.v.daum.net/v/20190925152532098
190928 Yooheeyeol's Sketchbook Ep.461 ▶ Dinosaur | Marine Victory โดยชานฮยอก | Farewell โดยซูฮยอน | HowCanIlovetheHeartbreak
AKMU 항해일지 (Sailing Log) ▶ Trailer | Ep.1 | Ep.2 | Ep.3 เบื้องหลังการทำอัลบั้มและความรู้สึกต่างๆระหว่างนั้นของชานฮยอกและซูฮยอน ชานฮยอกเองก็มีมุมมองและแนวการทำเพลงที่เปลี่ยนไป ทั้งโตขึ้น เริ่มพูดถึงท๊อปปิคที่ซีเรียสมากขึ้นแต่ก็ชัดเจนมากขึ้น ส่วนซูฮยอนเริ่มหาแนวทางของตัวเองเจอได้เล่าว่าครั้งนี้เป็นการพบกันระหว่างเพลงของพี่กับเสียงของน้อง เป็นการตีความทั้งของตัวเองและพี่ผสมกัน “เราเคยมีเพลงที่หม่นๆอย่าง Melted กับ Artificial grass ฟังแล้วไม่ได้เศร้า แต่น้ำตาไหล ได้รับฟีดแบคแบบนั้นมาเยอะเหมือนกัน อ่า มีจุดแข็งแบบนั้นในเพลงของเราด้วย คิดว่าถึงจะเป็นเพลงหม่นๆ แต่เรารู้วิธีที่จะไม่ถ่ายทอดให้เศร้า แล้วเปลี่ยนให้สว่างขึ้นได้ อยากทำให้สวยงามแบบนั้นครับ ยังไงก็ตามใน Fish in the water ใจความก็อยู่ที่ ‘เราจะใช้ชีวิตอย่างที่พูด อย่างที่ร้องเพลง’ แต่ท้ายที่สุดมันก็เป็นภาพรวมของอัลบั้มด้วยครับ คำว่าเพลงในประโยคนั้นก็คือ How can I love the Heartbreak, 뱃노래, Freedom ทั้งหมดผ่าน Fish in the water ว่าจะใช้ชีวิตแบบนั้น ทำแบบนี้” ㅡ ชานฮยอก 2019 Sailing Log /Ep.2 191002 사랑하기 좋은날 with AKMU - อัคมิวชอบท้าทายแนวเพลงใหม่ๆ คนฟังจะได้แปลกใจ แต่คราวนี้รู้สึกภูมิใจที่ทั้งได้ทำในสิ่งที่อยาก แล้วคนฟังก็ชอบด้วย - ชานฮยอกบอกว่า Sailing เป็นอัลบั้มที่รวบรวมชีวิตประจำวันไว้ ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ ออกจากกรมไม่นานเลยปล่อยได้ทันที - ซูฮยอนพูดว่าอัลบั้มนี้ต้องลงลึกเรื่องอารมณ์มาก มีเพลงที่ต้องใส่พลังทั้งหมดในการร้อง เลยร้องสดค่อนข้างยาก อีกอย่างคือเมื่อก่อนปกติตัวเองจะต้องทานข้าวก่อนถึงจะร้องเพลงได้ นี่เป็นครั้งแรกที่กินก่อนไม่ลงเพราะอ่อนไหวมาก เสร็จแล้วถึงไปกิน - เพลงที่สร้างแรงจูงใจให้ AKMU ได้แก่ (1) Bee gees - How deep is your love ชานฮยอกฟังตอนไปเท่ียวอังกฤษกับคุณพ่อ คิดว่าต้องมีเหตุผลที่ทำให้ทุกวันนี้คนยังชอบฟังกัน ช่วงนี้ฟังเพลงเก่าเยอะ และกำลังศึกษาว่าทำเพลงยังไงให้ฟังได้ไม่เบื่อ เวลาผ่านไปแล้วยังติดอยู่ในใจได้ (2) เพลงบรรเลงคลาสสิค ชานฮยอกรู้สึกว่าเพลงคลาสสิคกับเสียงธรรมชาติเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกัน คิดว่ามันมีพลังในการเข้าถึงใจคนโดยไม่มีเสียงร้องเลยกำลังศึกษา (3) Oasis - Roll With It ในอัลบั้ม Sailing มีเพลง Should've love you more ที่เกิดขึ้นมาเพราะหลังๆนี้ชานฮยอกชอบฟังเพลงร๊อค เพลงนี้เองก็เป็นหนึ่งในที่ฟัง ชานฮยอกเพิ่งมาชอบเพลงร๊อคได้ไม่นาน เป็นเพลงที่ล่าสุดฟังอย่างสนุกอยู่เรื่อยๆ (4) Lee Sora - 나를 사랑하지않은 그대에게 คุณโซราเป็นศิลปินที่ซูฮยอนยกย่องเป็นครูเรื่องการร้อง ฟังเพลงของรุ่นพี่แล้วได้กลับมาคิดทบทวนอีกทีว่าควรจะร้องเพลงยังไง (5) Jewelry - One more time ซูฮยอนลองคิดย้อนไปตอนเด็กมากๆถึงเพลงแรกที่ได้ฟัง ได้คำตอบว่านี่เป็นเพลงแรกสุดที่จำได้ อีกเพลงที่จำได้ก็คือ Wonder Girls - Tell me (6) Micheal Buble - Quando Quando เป็นเพลงที่ร้องเล่นกับพี่ๆแฟมิลี่แบนด์ใน Begin Again ไม่ได้อยู่ในเซตลิสบัสกิ้ง แต่พอคิดดูแล้ว เหมือนฉากนึงในหนังเลย เป็นช่วงเวลาที่อยากกลับไป เพลงนี้เลยกลายเป็นเพลงที่สำคัญสำหรับซูฮยอน♡ 191008 MBC 2pm date with AKMU - ชานฮยอกเล่าว่าเมื่อก่อนแต่งเพลงเร็วมาก แต่หลังๆนี้เริ่มใช้เวลานานขึ้น ส่วนตัวชอบรีบทำให้เสร็จ เคยทำเสร็จภายใน30นาทีด้วย แต่พอแต่งเพลงเยอะขึ้นเรื่อยๆ ชานฮยอกตั้งใจจะเลี่ยงแพทเทิร์นเดิมๆที่เคยใช้ในเพลง เลยใช้เวลานานกว่าเมื่อก่อน - ซูฮยอนเป็นคนคิดคำย่อชื่อเพลงไตเติล เป็นออซานอลซา (พยางค์แรกของแต่ละวรรคในชื่อเกาหลี) แต่พี่ไม่ค่อยชอบให้ย่อ เพราะว่าเป็นชื่อที่ตัดคำไหนออกไม่ได้เลย ทุกวันนี้ก็เลยพูดชื่อเต็มอยู่ - เวลาแยกกันทำงาน หรืออยู่กันคนละที่ ทั้งสองคนไม่ค่อยส่งข้อความหากันเท่าไหร่ แต่จะส่งบ่อยเวลาอยู่บ้านแล้วต้องการเรียก เพราะว่าห้องทั้งสองคนอยู่ห่างกันตะโกนเลยไม่ค่อยได้ยิน
191226 ซยอนดีแจ้งข่าวให้ผู้ฟัง Volume Up ฟังว่าจะหยุดการทำหน้าที่ดีเจในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า เนื่องจากยุ่งกับการทัวร์คอนเสิร์ตและงานเพลงอีกหลายๆอย่าง ถึงแม้ว่าจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้วเพื่อจะทำงานร้องเพลงไปด้วยและจัดรายการวิทยุต่อไปเรื่อยๆก็ตาม
Note : เป็นปีที่ชานฮยอกกำลังอยู่ในกรม หน่วยนาวิกโยธิน, ภาพที่ลงตอนที่ซูฮยอนไปเยี่ยมพี่ 180110 ซูฮยอนเป็นตัวแทนวงขึ้นรับรางวัลบนซัง ณ Golden Disc Awards ครั้งที่ 32
180604 ซูฮยอนทำหน้าที่ดีเจประจำวันแรกที่ KBS Cool FM - Volume Up โดยจัดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ 18.00-20.00 (เวลาไทย)
180905 ทางอินสตาแกรมของ Volume Up อัพเดทว่าชานฮยอกมาหาซูฮยอนที่สถานีและซื้อขนมมาให้ ▲ 180901 ซูฮยอนขึ้นแสดงงาน Someday Festival คนเดียว มีเพลงที่ไม่ได้ปล่อยคือเพลง Favorite เป็นหนึ่งในเซตลิส
|
AuthorAKMU_TH. Archives
May 2022
Categories
All
|